ร้อยไหม
ทำไมต้องร้อยไหม?
การร้อยไหมเหมาะกับใคร
คนไข้ที่เริ่มเห็นความหย่อนคล้อยของคิ้ว แก้ม แก้ม และ/หรือคอ และต้องการเห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับ แต่ไม่ต้องการความเสี่ยง รอยแผลเป็น หรือการกู้คืนจากการยกคิ้ว ดึงหน้า หรือคอจริง
ผลลัพท์และกาารดู
ในวันที่ทำทรีตเมนต์ คุณจะได้พักผ่อนในห้องทรีตเมนต์ของเรา เนื่องจากจะมีการฉีดยาชาเฉพาะที่ในบริเวณใบหน้าของคุณที่จะทำการรักษา หลังจากฉีดยาชาเฉพาะที่แล้ว แพทย์จะสอดไหม PDO อย่างระมัดระวัง ด้ายจะติดกับเนื้อเยื่อผิวหนังและยกขึ้นจนได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ผู้ป่วยอาจมีรอยแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อยซึ่งจะหายได้เองใน 1 – 2 สัปดาห์
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะเกิดขึ้นทันทีและเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นหลังจากผ่านไป 1-2 สัปดาห์ เมื่ออาการบวมและรอยฟกช้ำทั้งหมดหายไปแล้ว ผลลัพธ์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากผิวของคุณผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมอยู่ได้ยาวนานกว่าอายุของการร้อยไหม
สามารถร้อยไหมเพิ่มเติมลงในบรรทัดเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ต่อไปและยืดอายุผลลัพธ์ให้มากยิ่งขึ้น หากคุณเลือกที่จะมีขั้นตอนการผ่าตัดที่เข้มข้นขึ้นหรือดึงหน้าในภายหลัง ก็สามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เนื่องจากไหมเย็บแผล PDO จะถูกดูดซึมได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นใดๆ ไว้
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะแตกต่างกันไปในคนไข้แต่ละราย แต่คนไข้ส่วนใหญ่จะเห็นผลดีขึ้นในระยะเวลา 2 – 3 ปี
บริเวณทำการรักษา
การร้อยไหมสามารถรักษาส่วนต่างๆ ของใบหน้าที่มีสัญญาณแห่งวัยได้ บริเวณแก้ม กราม คอ และดวงตาเป็นบริเวณที่ได้รับการรักษาบ่อยครั้ง
เนื่องจากผลลัพธ์ของการร้อยไหมไม่ได้รุนแรงเท่ากับผลลัพธ์ของการผ่าตัดดึงหน้า การร้อยไหมจึงมักใช้ร่วมกับกระบวนการต่อต้านริ้วรอยอื่นๆ เช่น อัลเทอราพีหรือโปรแกรมฟิลเลอร์ผิวหนัง
ร้อยไหม ที่ Skinserity
• Barb Threading :: 18,000 baht/pair
• Non-barb :: 20,000 baht/20pairs
• Fat-lysis threading :: 20,000 baht/20pairs
• Foxy-eye :: 20,000 baht/pair
• Tesslift - meshed threading :: 20,000 baht/pair
ทำความรู้จักวิธียกหน้าเรียวแบบสับแบบใหม่ ร้อยไหมคืออะไร?
ใบหน้าเรียวสวยได้รูปถือเป็นความงามพิมพ์นิยมที่อินเทรนด์ในทุกยุคทุกสมัย เพราะใบหน้าที่เรียวได้รูปนั้นช่วยเพิ่มความสวยและเพิ่มความละมุนให้กับใบหน้าได้ และในยุคนี้ซึ่งเป็นยุคที่มีความทันสมัยมากมาย จึงทำให้มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาเพื่อตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการยกหน้าเรียวมากมาย และหนึ่งในวิธียกหน้าแบบสับแบบใหม่ คือ การร้อยไหม ที่เรียกได้ว่ากำลังมาแรงและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในยุคนี้
การร้อยไหมคืออะไร?
การร้อยไหม คือ การใช้เข็มที่ร้อยเส้นไหมที่สามารถละลายได้สอดลงไปใต้ชั้นผิวหนังโดยมีเงี่ยงเป็นตัวเกี่ยวผิวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่คุณหมอทำการร้อยไหมเข้าไป ขั้นตอนการทำคล้าย ๆ กับการใช้ตะขอเกี่ยว โดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นสามารถช่วยในเรื่องของการยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้า และสามารถนำมาใช้ร้อยไหมที่บริเวณจมูกได้
ร้อยไหมช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
การร้อยไหมได้กลายมาเป็นวิธียอดนิยมในการยกกระชับให้ใบหน้าเรียวสวยได้รูป โดยเป็นวิธีการที่เป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน การร้อยไหมสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้หลากหลายประการ เช่น
- ช่วยปรับรูปหน้า ให้ใบหน้าเรียวสวย กระชับ
- ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อย
- ร้อยไหมจมูก ช่วยเสริมให้จมูกดูโด่ง โดดเด่น สวยงาม
- ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง
ร้อยไหมมีกี่ชนิด?
ชนิดของไหมที่เป็นที่นิยมใช้ในคลินิกปัจจุบัน หลัก ๆ จะมีอยู่ 5 ชนิด คือ ไหมโครงตาข่าย ไหม Mint ไหมทอร์นาโด ไหมก้างปลา และไหมคอลลาเจน
ไหมโครงตาข่าย
ไหมโครงตาข่ายถือเป็นชนิดของไหมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในยุคปัจจุบัน มีลักษณะคือด้านในของแกนไหมจะเป็นเส้นไหมชนาดใหญ่ มีเงี่ยงรอบทิศทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยตาข่ายด้านนอกเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการยึดเกาะผิวและช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจน การใช้ไหมโครงตาข่ายจะใช้เทคนิคพิเศษในการร้อย อีกทั้งยังไม่ต้องมีการตัดไหม เป็นขนิดของไหมที่เป็นที่นิยมและยอมรับไปทั่วโลก
ไหม Mint
ไหม Mint เป็นไหมที่มีเส้นไหมขนาดใหญ่ เงี่ยงไหมถูกหล่อพิเศษแบบสามมิติเพื่อช่วยให้สามารถยึดเกาะกับผิวได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวแน่นและยกกระชับได้ดี เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มีแก้มเยอะหรือผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เป็นไหมที่ได้รับการรับรองจากหลากหลายประเทศทั่วโลก
ไหมทอร์นาโด
เป็นเส้นไหมขนาดใหญ่ที่มีเงี่ยงไหมรอบทิศ มีคุณสมบัติในการช่วยยกกระชับผิวได้ดี ปลายเข็มจะมีลักษณะทู่เพื่อลดอาการบวมช้ำขณะร้อยไหม
ไหมก้างปลา
ไหมก้างปลามีลักษณะเงี่ยงไหมมีความเป็นซี่เล็ก ๆ วางเรียงตัวกันรอบ ๆ เส้นไหม มีคุณสมบัติในการช่วยยกกระชับผิวได้ดี แต่มักไม่เหมาะกับผิวที่ขาดคอลลาเจน ปลายเข็มมีความแหลมจึงอาจก่อให้เกิดอาการบวมช้ำได้มากกว่าไหมชนิดอื่น ๆ ไหมก้างปลาเหมาะกับเคสที่มีพังผืดบนใบหน้าเยอะจนหมายปลายทู่ ๆ ไม่สามารถผ่านชั้นผิวเข้าไปได้
ไหมคอลลาเจน
ไหมคอลลาเจนเป็นไหมที่มีลักษณะเรียบ ๆ ไม่มีเงี่ยง มักนิยมใช้กับไหมที่มีเงี่ยงเพื่อช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวไปพร้อม ๆ กับการยกผิวให้ดูอิ่มฟู เต่งตึงมากยิ่งขึ้น
ร้อยไหมไหนดี?
สำหรับคลินิกที่เปิดให้บริการร้อยไหมในแต่ละที่นั้น อาจมีชื่อเรียกไหมแต่ละชนิดที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ชื่อเหล่านี้ไม่ได้มีความเป็นสากล แต่เป็นชื่อเรียกที่คลินิกเรียกเท่านั้น โดยมีเหตุผลเพื่อไม่ให้ลูกค้าสามารถเทียบราคาไหมกับคลินิกอื่น ๆ เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดนั่นเอง แต่ทั้งนี้ หากต้องการที่จะทราบว่าไหมที่ใช้นั้นเป็นไหมอะไรก็สามารถสอบถามกับทางคลินิกได้โดยตรง
หากเทียบกันตามชนิดของวัสดุของเส้นไหม ซึ่งมีทั้ง PDO, PLLA, PCL จะเลือกร้อยไหมไหนดี? ไหมที่ดึงหน้าได้ดีและมีประสิทธิภาพ คือ ไหมเงี่ยงใหญ่ ๆ ที่สามารถพบได้ในทุก ๆ คลินิกที่เปิดให้บริการร้อยไหม แต่ทั้งนี้ ชื่อที่ตั้งก็อาจจะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคลินิก อีกทั้งราคายังแตกต่างกันด้วย
การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง?
การร้อยไหมนั้นถือเป็นวิธีการที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าหรือผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย และต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยมากยิ่งขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัดใด ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วทันใจอีกด้วย
ในการทำร้อยไหม จะมีจุดหรือบริเวณที่ใช้ในการดึง จุด ๆ นั้นคือจุดที่อยู่บริเวณแก้มส่วนล่างและบริเวณจุดที่ยึดกับบริเวณขมับ ซึ่ง 2 จุดนี้จะทำการดึงเข้าหากัน จึงสามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้ในทันที และหลังจากที่ร้อยไหมแล้ว ผิวบริเวณที่ทำการร้อยไหมจะเกิดการกระตุ้นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผิวมีความกระชึบและเต่งตึงขึ้นได้อย่างชัดเจน
ใครที่ห้ามร้อยไหมบ้าง?
ทั้งนี้ การร้อยไหมนั้นไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน โดยการร้อยไหมนั้นไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ในภาวะอักเสบ หรือมีการติดเชื้อที่บริเวณผิวหนังก่อนทำการร้อยไหม ไม่เหมาะกับผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหม ซึ่งการจะทราบว่าแพ้หรือไม่นั้นแพทย์จะเป็นผู้ตรวจสอบ แต่อาการข้างงเคียงจากการใช้ไม่ได้ถือว่าเป็นการแพ้ใด ๆ
การร้อยไหมนั้นไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา หรือผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ผู้ที่คลอดน้องแล้วแต่กำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตรควรปรุกษาสูตินรีแพทย์ นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุดควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อทำการพิจารณาดูว่าสามารถร้อยไหมได้หรือไม่
ร้อยไหมอันตรายไหม?
การร้อยไหมนั้นถือเป็นวิธีการยกกระชับใบหน้าที่ไม่มีอันตรายใด ๆ หากใช้วิธีการร้อยอย่างถูกต้องจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และเลือกใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา นอกจากนี้ เทคนิคที่ใช้ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการร้อยไหม และส่งผลต่อระดับความเสี่ยงในการร้อยไหมอีกด้วย
หลังจากที่ร้อยไหมไปเป็นเวลาประมาณ 6-18 เดือน ไหมที่ร้อยไปจะละลายไปโดยอัตโนมัติโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ และการร้อยไหมที่ถูกต้องนั้นจะต้องเกิดผลลัพธ์เป็นเส้นใยอิลาสตินใต้ชั้นผิวหนังเพื่อประคองผิวเอาไว้ โดยมีความคล้ายคลึงกับเส้นใยอิลาสตินตามธรรมชาติ
ข้อดีและข้อเสียของการร้อยไหม
การร้อยไหมนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียโดยสามารถแบ่งออกได้เป็นดังนี้
ข้อดี
- หลังร้อยไหม จะสามารถเห็นผลได้ทันที เพราะเงี่ยงของไหมที่คล้ายตะขอจะช่วยเกี่ยวดึงผิวให้ยกกระชับได้ในทันที
- หากร้อยไหมในชั้นผิวที่เหมาะสม ในแนวผิวที่ถูกต้อง จะช่วยยกกระชับผิวได้คล้าย ๆ กับเส้นใยอิลาสตินที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ
- การร้อยไหมนั้นมีความเสี่ยงต่ำ (ต้องเป็นไหมที่ทำจากวัสดุ PDO, PLLA, หรือ PCL เพราะผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งในไทยและต่างประเทศ)
- ไหมละลายที่ใช้ในการร้อยไหมในปัจจุบันไม่มีส่วนผสมของโลหะ จึงสามารถละลายสลายได้หมด 100% โดยไม่มีการตกค้างใด ๆ ในร่างกาย จะเหลือเพียงแต่เส้นใยอิลาสตินที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อประคองผิวเท่านั้น
- สามารถใช้ได้อย่างเห็นผลและมีประสิทธิภาพในผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบบางเคส เพราะเส้นไหมสามารถดึงไขมั้นขึ้นมาเติมเต็มบริเวณแก้มให้เต่งตึงและเติมเต็มมากยิ้งขึ้น
- หากแพทย์มีความชำนาญและมีประสบการณ์มากพอ บวกกับการใช้เทคนิคร้อยไหมที่ถูกต้อง จะลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำได้
- การร้อยไหมเส้นเล็ก ๆ สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวหน้าได้ เช่น บริเวณมุมปาก หางตา หรือหน้าผาก ในกรณีที่ผู้เข้ารับบริการมีอาการดื้อโบทูลินั่ม ท็อกซิน
ข้อเสีย
- หากร้อยไหมด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง หรือในทิศทางที่ไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดรอยบุ๋มตามแนวผิวที่ทำการร้อยไหม
- หากร้อยไหมให้มีการทับซ้อนกันมากจนเกินไป และร้อยไหมในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม จะกลายเป็นพังผืด และอาจเกิดการดึงรั้งผิวให้เกิดอาการผิดรูปได้
- ในบางครั้ง เส้นไหมอาจอยู่ได้ไม่นานตามระยะเวลาที่โฆษณาไว้ และไหมละลายบางชนิดที่สามารถอยู่ได้นานนั้นอาจขาดความยืดหยุ่น ทำให้เกิดการทะลุออกมานอกผิวหนังได้
- หากใช้ไหมยุคเก่า ๆ ที่มีส่วนผสมของโลหะ เมื่อผ่านเครื่องสแกนหรือทำเอ็กซเรย์ ก็อาจทำให้ผิวไหม้ได้
- การร้อยไหมอาจยิ่งทำให้โหนกแก้มดูเด่นกว่าเดิมในเคสที่มีโหนกแก้มสูงอยู่แล้ว
- การร้อยไหมอาจทำให้เกิดอาการบวมช้ำได้หลังทำ แต่ทั้งนี้อาการบวมช้ำเหล่านี้จะสามารถหายได้เองในช่วง 7-14 วัน
- บางคลินิกจะใช้การร้อยไหมแทนการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำ เนื่องจากการเติมเต็มผิว เช่น บริเวณใต้ตาหรือร่องแก้มนั้นจะต้องใช้เส้นไหมเป็นจำนวนมาก หรือการใช้ไหมไปปั่นละลายน้ำ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้จะทำให้เกิดเป็นพังผืดและปัญหาอื่น ๆ ตามมาในอนาคตได้
ขั้นตอนการร้อยไหม
ขั้นตอนการร้อยไหมนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ไหมที่ใช้ในการร้อย อีกทั้งตำแหน่งที่ทำการร้อยไหมก็ยังส่งผลให้ขั้นตอนการร้อยไหมนั้นแตกต่างกัน ระยะเวลาในการร้อยไหมนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง และอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคนอีกด้วย
สำหรับขั้นตอนการร้อยไหมนั้นจะเริ่มต้นจากการประเมินใบหน้าก่อนทำ จากนั้นจะทำการแปะยาชาหรือฉีดยาชา เช็ดหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ จากนั้นจะทำการร้อยไหม กดไหม และจัดตำแหน่งไหม หลังจากนั้นจะทำการตัดไหม เป็นอันเสร็จสิ้น
ข้อปฏิบัติก่อนและหลังร้อยไหม
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพหลังการร้อยไหมที่ดี จะมีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวให้ ดังนี้
ก่อนร้อยไหม
- เข้ารับคำปรึกษาแนะนำกับแพทย์เพื่อทำการประเมินใบหน้าเพื่อวางแผนร้อยไหม
- หลังจากที่ทำการปรึกษาและพูดคุยกับแพทย์แล้ว และตกลงกันเรียบร้อยก็สามารถเข้ารับการร้อยไหมได้ทันที
- แจ้งประวัติการแพ้ยาหรือวิตามินที่ใช้เป็นประจำ อีกทั้งยังควรงดยาหรอวิตามินบางอย่าง เช่น แอสไพริน สารสกัดโสม หรือวิตามินอี เป็นต้น
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนร้อยไหม
- งดการทำกิจกรรมที่อาจทำให้เส้นเลือดสูบฉีด
- ฉีดยาชาเพื่อเตรียมตัวร้อยไหม
หลังร้อยไหม
- หลังร้อยไหมจะมีรอยฟกช้ำหรืออาการบวมแดง ซึ่งจะหายได้ภายใน 2-3 วัน จึงแนะนำว่าไม่ควรแคะ แกะ เบา หรือกดผิว
- สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อลดอาการปวดหลังทำการร้อยไหม
- ไม่แนะนำให้ขยับใบหน้าเยอะในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ไหมเคลื่อนผิดตำแหน่งได้
- งดการยิงเลเซอร์หรือทำหัตถการที่ต้องใช้ความร้อนเป็นระยะเวลา 2 เดือน
การปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้คงทนยาวนานมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับความร้อน งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า เป็นต้น
ร้อยไหมแต่ละแบบราคาเท่าไรบ้าง?
การร้อยไหม ราคาจะมีความแตกต่างกันไปตามวัสดุของเส้นไหม ชนิดของเส้นไหม และจำนวนของเส้นไหมที่ใช้
ทำไมต้องร้อยไหมที่ Skinserity?
สำหรับเหตุผลที่แนะนำให้เลือกใช้บริการร้อยไหมที่คลินิก Skinserity เพราะที่นี่ให้บริการอย่างมีมาตรฐานและมีคุณภาพ คลินิกมีใบอนุญาตรับรองการประกอบการอย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งคลินิกยังมีความสะอาด มอบบริการที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการและคำปรึกษาแนะนำ อีกทั้งยังให้บริการร้อยไหมด้วยเทคนิคที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างตรงตามต้องการและมีประสิทธิภาพสูง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการร้อยไหม
Q: ร้อยไหม ต้องใช้กี่วันถึงจะเห็นผลลัพธ์?
A: การร้อยไหม ซึ่งเป็นวิธีการทำให้ใบหน้ายกกระชับ จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการทำร้อยไหม และผลลัพธ์จะชัดเจนและสวยเข้ารูปภายในเวลาประมาณ 1 เดือน และหากมีอาการบวมแดงใด ๆ ก็จะหายไปเองในเวลา 14 วัน
Q: การร้อยไหมจะเจ็บหรือไม่?
A: คำถามที่หลาย ๆ คนมักจะสงสัยถามเข้ามากันมากมายก็คือ การร้อยไหมจะเจ็บหรือไม่? ในระหว่างกระบวนการร้อยไหม ผู้เข้ารับบริการจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เนื่องจากจะมีการฉีดยาชาก่อนทำการร้อยไหม จึงทำให้ไม่ได้รู้สึกเจ็บใด ๆ ระหว่างทำ
Q: การร้อยไหมต้องใช้ยาชาหรือไม่?
A: การร้อยไหมจำเป็นต้องฉีดยาชาทุกครั้ง และคลินิกที่ให้บริการร้อยไหมจะทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะร้อยไหมก่อน เพื่อลดการอักเสบ ติดเชื้อ
Q: การร้อยไหมใช้เวลานานหรือไม่?
A: การทำร้อยไหมจะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณไหมที่ใช้ร้อยและเทคนิคที่คุณหมอใช้
Q: ถ้าไม่ไปร้อยไหมซ้ำ จะทำให้ใบหน้าเหี่ยวจริงหรือไม่?
ไม่จริง เมื่อไหมที่ร้อยเข้าไปเกิดการละลายไปแล้ว จะยังทำให้มีเส้นใยอิลาสตินใต้ชั้นผิวหนังที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิวอยู่ การร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะช่วยทำให้ผิวมีความกระชับมากขึ้นกว่าเดิม
ขั้นตอนการรักษา
ลูกค้าของเราคิดอย่างไร
จริงใจ อบอุ่น และปลอดภัย