RF (Radio-Frequency) คืออะไร? ทางเลือกเพื่อความกระชับที่น่าสนใจ
การมีผิวและสัดส่วนที่กระชับถือเป็นความใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คน เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยประหยัดเวลาในการยกกระชับผิวและสัดส่วนแต่มอบผลลัพธ์ที่เห็นผลได้จริง เทคโนโลยีที่ว่านี้ก็คือ RF (Radio-Frequency) นั่นเอง
RF (Radio-Frequency) คืออะไร?
Radio Frequency หรือ RF คือ เทคโนโลยีในการปล่อยคลื่นไฟฟ้าวิทยุที่มีความถี่ระหว่างช่วง 0.3-0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์) ลงเข้าสู่ผิวหนังเพื่อช่วยในการยกกระชับผิวและสัดส่วนโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรม โดยเทคโนโลยี RF นี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการยกกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้ได้อย่างหลากหลายในวงการความงามและผิวพรรณ
เครื่อง RF ทำงานอย่างไร?
เครื่อง RF ทำงานโดยการนวดและปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง RF (Radio-Frequency) ไปพร้อม ๆ กัน โดยช่วงความถี่นั้นจะอยู่ที่ 0.3-0.5 MHz ถูกส่งเข้าสู่ผิวหนังด้านบนผ่านแท่งโลหะหรือหัวโลหะขนาดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในชั้นผิวที่ลึกลงไป ทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือด น้ำเหลือง และของเหลวในร่างกาย นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนรูปของพลังงานภายใน ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลง โดยอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3-5 °C ซึ่งอุณหภูมิของร่างกายสามารถทำได้ที่ไม่เกิน 42 °C
การทำงานของ RF (Radio-Frequency) ในแต่ละชั้นผิว
Epidermis (ชั้นหนังกำพร้า)
คลื่นวิทยุ RF (Radio-Frequency) กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ให้เพิ่มขึ้น ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวขาวใสขึ้น
Dermis (ชั้นหนังแท้)
คลื่นวิทยุ RF (Radio-Frequency) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน ทำให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อยกลับมากระชับและยืดหยุ่นขึ้น
Subcutaneous Fat (ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง)
คลื่นวิทยุ RF (Radio-Frequency) มีส่วนช่วยสลายไขมันหรือลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน จึงช่วยกระชับสัดส่วนได้
ประโยชน์ของการทำ RF สัดส่วนมีอะไรบ้าง?
การทำ RF นั้นจะช่วยให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจนและเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยจะสังเกตได้ว่ารูขุมขนดูเล็กลง ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งผิวยังมีความกระชับ แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวดูยืดหยุ่นและอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ การทำ RF ยังมีคุณสมบัติในการช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ลดการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
ใช้เครื่อง RF ตำแหน่งไหนบนหน้าได้บ้าง?
เครื่อง RF (Radio-Frequency) ทำงานโดยใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง และสามารถใช้ได้ทั่วทั้งใบหน้าและในบริเวณที่ต้องการเน้นเพื่อความกระชับได้
บนใบหน้า
เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบดวงตา ร่องแก้ม รอบปาก กรอบหน้า ลำคอ และเหนียงใต้คาง เป็นต้น
บนร่างกาย
นอกจากจะสามารถใช้บนใบหน้าได้แล้ว RF ยังสามารถใช้บนร่างกายได้อีกด้วย เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เป็นต้น เพื่อลดไขมันส่วนเกินและให้เรือนร่างดูกระชับ ได้สัดส่วน
ใครที่เหมาะกับการทำ RF บ้าง?
เครื่อง RF (Radio-Frequency) นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการยกกระชับผิวและสัดส่วน และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยและไม่กระชับ ผู้ที่มีริ้วรอยในผิวหน้าก่อนวัย ผู้ที่ต้องการกระชับและเพิ่มกรอบหน้า ลดเหนียงใต้คาง ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเป็นรูป V Shape เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลการดูแลผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดสารเสริมใด ๆ ที่สำคัญ คือ เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็ม เพราะเป็นการใช้เครื่องมือในการยกกระชับผิวเท่านั้น นอกจากนี้ การทำ RF ยังเหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินและต้องการปรับรูปร่างให้ดูกระชับอย่างรวดเร็วในช่วงหลังคลอดอีกด้วย
ทำ RF กับ โปรแกรม Therma ต่างกันอย่างไรบ้าง?
โปรแกรม Therma จะเป็นการใช้เครื่องปล่อยคลื่นวิทยุ Monopolar RF เพื่อยกกระชับผิวหนัง โดยมีข้อแตกต่างจากการใช้เครื่อง RF ทั่วไปที่ใช้แบบ Bipolar RF (สามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือควบคู่กับ IPL ได้)
โปรแกรม Therma เหมาะสำหรับกระชับผิวหนังส่วนบนเท่านั้น โดยสามารถกระจายความร้อนได้ดีในชั้นลึกของผิวหนัง จึงสร้างความร้อนใต้ผิวหนังได้มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยย่อยสลายไขมัน และช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยได้อย่างดี
นอกจากโปรแกรม Therma แล้ว ยังมีเครื่องมือยกกระชับอื่น ๆ เช่น Ultra Lifting Therapy และ Hifu Ultraformer ที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์เพื่อยกกระชับผิวหนังในชั้น smas (Superficial Musculo Aponeurotic system) ที่เป็นชั้นผิวที่ตั้งอยู่ลึกกว่า ซึ่งผิวหนังในชั้นนี้เป็นชั้นที่มักใช้ในกระบวนการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า หมอจะพิจารณาปัญหาผิวของแต่ละคนและแนะนำเครื่องมือที่เหมาะสมในการกระชับผิวหนัง
ข้อควรระวัง และควรปฏิบัติ ก่อนและหลังทำ RF
ขณะทำการใช้เครื่อง RF ควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยต่าง ๆ อีกทั้งการทำ RF นั้นก็ไม่ได้เหมาะกับทุก ๆ คน โดยผู้ที่ควรระวังทำ RF มีดังนี้
- ผู้ที่สูญเสียความรู้สึกหรือมีการรับความรู้สึกบกพร่องหรือช้าไม่ควรทำ RF
- ผู้ที่เป็นโรคไต หรือโรคที่เกิดจากระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเลือด ไม่ควรทำ
- หญิงที่ตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตรมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน ไม่ควรทำ RF
- ผู้ที่มีประวัติเป็นลมชักไม่ควรทำ RF
- ไม่แนะนำให้ทำ RF ในบริเวณที่มีการอักเสบ แผลถลอก แผลผ่าตัดที่ยังไม่หายสนิท หรือบริเวณที่ผ่าตัดใหม่เมื่อไม่ถึง 6 เดือน
- ควรถอดอุปกรณ์และเครื่องประดับที่เป็นโลหะก่อนทำ RF เพราะอาจรบกวนการส่งคลื่นได้
หลังจากที่ทำ RF แล้ว คุณหมอจะมีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวหลังทำ RF ดังนี้
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อระบายของเสียและไขมันที่สะสมในร่างกาย โดยภายใน 24 ชั่วโมงหลังการทำ RF แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า 3-4 ลิตร และควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน
- ควบคุมอาหารโดยลดการบริโภคอาหารที่ประกอบไปด้วยแป้ง น้ำตาล และไขมัน เพื่อป้องกันการสะสมไขมันเกินค่ามาตรฐาน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย
- สามารถรฉีดฟิลเลอร์ร่วมได้เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ทำ RF กับ Skinserity ดีอย่างไร?
สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกในการใช้บริการทำ RF คลินิก Skinserity มีบริการทำ RF ด้วยเทคโนโลยี Monopolar RF เช่นเดียวกับโปรแกรม Therma การทำ RF ที่ Skinserity มอบผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอยและแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ช่วยในการลดไขมันอย่างเห็นผล อีกทั้งที่คลินิกยังให้บริการอย่างมีมาตรฐานและสะอาด